“FTREIT” ยิ้มรับไฟเขียวจากผู้ถือหน่วยทรัสต์ จ่อซื้อทรัพย์ล็อตใหม่ ดันมูลค่าพอร์ตทะลุ 46,200 ล้านบาท ครองสถานะผู้นำกองทรัสต์อุตสาหกรรมของประเทศไทย

บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล รีท แมนเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ “FIRM” ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ หรือ “FTREIT” ประกาศข่าวดีหลังได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยทรัสต์ ครั้งที่ 1/2565 ในวันที่ 20 มิถุนายน 2565 สำหรับการเดินหน้าเข้าลงทุนในทรัพย์สินศักยภาพสูงของบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย และบริษัทในกลุ่ม มูลค่าการลงทุนประมาณ 1,716 ล้านบาท (ยังไม่รวมภาษีอากร ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน ตลอดจนค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง) ซึ่งประกอบด้วย อาคารโรงงาน 13 ยูนิต คลังสินค้า 14 ยูนิต บนที่ดินกว่า 114 ไร่ ในจังหวัดอยุธยา ปทุมธานี ปราจีนบุรี และชลบุรี หรือ คิดเป็นพื้นที่ให้เช่าเพิ่มเติม 78,615 ตร.ม.

นายธนรัชต์ บุญญะโกศล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล รีท แมนเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ “FIRM” กล่าว “ด้วยเล็งเห็นถึงการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว การลงทุนในทรัพย์สินที่มีศักยภาพในครั้งนี้จะสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้แก่กองทรัสต์ โดยใช้วงเงินกู้ยืมที่ผู้ถือหน่วยได้อนุมัติในที่ประชุมสามัญผู้ถือหน่วยทรัสต์ ประจำปี 2564 ซึ่งทางกองทรัสต์มั่นใจว่า การเข้าซื้อทรัพย์สินตามแผนกลยุทธ์ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะส่งผลให้ FTREIT รักษาสถานะกองทรัสต์อุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศไทย ครอบคลุมโรงงานและคลังสินค้าในทำเลยุทธศาสตร์หลายแห่งที่สำคัญในประเทศ แต่เป็นการยกระดับศักยภาพการบริหารจัดการโดยรวมให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นจากทรัพย์สินคุณภาพสูงที่มีความทันสมัย พร้อมผู้เช่าคุณภาพจากบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ประกอบกับได้รับพื้นที่ในรูปแบบการถือกรรมสิทธิ์ที่มากขึ้น ”

FIRM จะดำเนินการเข้าลงทุนตามที่ได้รับอนุมัติ และจะโอนกรรมสิทธิ์ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนกันยายน 2565 โดยหลังการเข้าลงทุน กองทรัสต์จะมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจาก 641 ยูนิต เป็น 668 ยูนิต พร้อมทั้งมีพื้นที่ให้เช่าเติบโตขึ้นจาก 2.06 ล้านตร.ม. เป็น 2.14 ล้านตร.ม. อัตราการเช่าพื้นที่เติบโตจาก 86.9% เป็น 87.4% มูลค่าทรัพย์สินจาก 44,528 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 46,249 ล้านบาท

สอบถามข้อมูลนักลงทุนสัมพันธ์